เจ็ง ภรรยา พีท เผยความรู้สึก หลังถูกถามข่าวลือ ปิ่น เก็จมณี – เจ เจตริน

Uncategorized

เรียกได้ว่าจากระแสข่าวลือดารา 90 เซ็นใบหย่า ล่าสุด อีกหนึ่งครอบครัวที่ถูกเปรียบเทียบเต็มๆ ระหว่างครอบครัว พีท ทองเจือ อดีตพระเอกชื่อดัง และภรรยา เจ็ง วิไลลักษณ์ กับ เจ เจตริน – ปิ่น เก็จมณี วรรธนะสิน ภายหลังคู่เจ-ปิ่น มีข่าวลือเตียงหัก เซ็นใบหย่าไปแล้ว โดยฝ่ายชายมีเรื่องสาวๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เหตุเป็นคู่รักที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน ล่าสุดพีท-เจ็ง ได้เผยกลางกลาง BrandThink มัลติ-แพลตฟอร์มคอนเทนต์ออนไลน์ แถลงข่าวแนะนำบริษัทผ่าน 5 Business Unit เปิดตัว 3 โปรเจ็กต์ ซีรีส์ “Coin Digger เกมสูญเหรียญ / ภาพยนตร์ RED LIFE รักละเลย / ภาพยนตร์สารคดี 5th Round ไฟต์ไฝว้ฝัน ณ ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ ฝ่ายหญิงได้เข้าไปเมนต์ให้กำลังใจปิ่น รับไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ในมุมแม่และภรรยา สงสารปิ่น

เจ็ง : เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรทั้งสิ้น แต่แค่ในมุมของผู้หญิงคนนึงที่เป็นแม่ เป็นภรรยา เราไม่รู้ว่าพี่ปิ่นเจอเหตุการณ์อะไร หรือเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่กล้าไปถามหรือละลาบละล้วงอะไร แต่ก็แค่รู้สึกสงสาร ในมุมผู้หญิงก็อยากให้พี่ปิ่นสู้ๆ ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ ก็อยากให้กำลังใจพี่ปิ่นค่ะ

พีท : ผมไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เรื่องตัวเองยังเอาตัวรอดเลยทุกวันนี้ (หัวเราะ) ไม่มีโอกาสไปคิดถึงเรื่องคนอื่นเลย

เจ็ง : ใช่ค่ะ เมื่อวานมั้งพูดกับพี่พีทว่ารู้ข่าวพี่เจไหม พี่พีทถามว่าข่าวอะไรเหรอ (หัวเราะ) เขาไม่ทราบเลย

พีท : ตอนนี้ผมค่อนข้างทำงานเยอะ และเวลาพักผ่อนน้อย ก็ไม่ค่อยได้ติดตามอะไรมาก เพราะมีหน้าที่ที่เราต้องทำ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับใครก็แล้วแต่ ก็ขอให้ทุกคนพบทางออกที่ดีที่สุด ที่กระทบคนรอบข้างรอบตัวน้อยที่สุด หรือมันกระทบกระเทือนจริงๆ ก็ขอให้คนรอบข้างเข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้น เพราะท้ายสุดแล้วสิ่งที่ดีที่สุดของทุกๆ คนในโลกเลยคือครอบครัว

วันนี้คนนึงอาจจะต้องไปเรียนต่างประเทศ คนนึงอาจจะต้องไปทำงานอยู่ที่ซาอุฯ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายแล้วเวลาที่เพื่อนทิ้งเรา เวลาที่เราเรียนจบจากโรงเรียน เวลาที่เราออกจากที่ทำงานและต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในชีวิต สุดท้ายแล้วทุกครั้งก็มีครอบครัวนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นจะอะไรก็แล้วแต่ขอให้นึกถึงคนในครอบครัว และหันมา หรือว่าถ้าอยู่ไม่ใกล้กัน ก็ให้กำลังใจกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถามว่าถ้าในฐานะเพื่อนก็เป็นห่วงแหละ ใช้คำว่าเราก็ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะ แต่ขอให้เป็นแบบนั้น

เจ็ง : ใช่ แอบเป็นห่วงค่ะ เพราะว่าเราก็มีครอบครัว มีลูกเหมือนกัน ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ที่เราคิดว่ามันเป็นแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็แล้วแต่ เรื่องแบบนี้จริงๆ มันเซนซิทีฟมาก บางทีคนมองภาพด้านนอกมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นข่าวก็ได้ มันอาจจะมีรายละเอียดลึกๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราเป็นคนนอก เราอาจจะไม่เข้าใจ ก็ได้แต่ให้กำลังใจ และเอาใจช่วยว่าให้เขาผ่านเรื่องราวเหตุการณ์นั้นไปให้ได้ในทางที่ดีที่สุด

หัวอกเมีย ไม่โอเค ถ้าสามีมีบ้านเล็ก กล้าพูดว่ารับไม่ได้

เจ็ง : ถ้าในมุมของผู้หญิงนะ เราไม่โอเค เจ็งเป็นคนนึงเลยที่กล้าพูดว่าเจ็งรับไม่ได้ ไม่รู้นะ เราก็ไม่เคยที่จะต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้น คือตอนที่เจ็งแต่งงานกับพี่พีท เจ็งพูดกับพี่พีทสองเรื่อง พูดชัดเจนเลยว่า หนึ่งห้ามโกหกกัน สองคือเรื่องมือที่สาม จะทำอะไรก็แล้วแต่เรื่องอื่นให้อภัยได้และปรับความเข้าใจได้ แต่ถ้าสองเรื่องนี้เกิดขึ้นและเรารู้ เราจับได้ คือไม่ต้องคุยกันนะ เพราะถือว่าคนที่จะอยู่กับเรา ถ้าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราก็ไม่รู้จะให้เกียรติเขาทำไม (หัวเราะ) อันนี้ในมุมเรานะ มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ็งเหมือนกัน แต่ละคนก็มีเรื่องที่ตัวเองรับไม่ได้แตกต่างกันไป

เผยรับปากกับพ่อภรรยาแบบลูกผู้ชาย

พีท : ถามว่ายึดมั่นในคำมั่นสัญญายังไง คือก่อนแต่งงานคุณพ่อเจ็งเรียกผมไปคุย และเราก็รับปากแบบลูกผู้ชายเลย ก็จบ แล้วคุณพ่อก็เสียไปแล้ว ไม่ต้องรอว่าคุณพ่อจะมาถามว่าทำไมไม่รักษาสัญญาหรืออะไรใดๆ ท่านเสียไปแล้วก็ยิ่งเป็นหน้าที่หนักว่าสัญญาลูกผู้ชาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ต้องรักษาสัญญาไว้

ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ห่วงความรู้สึก

เจ็ง : จริงๆ มันก็เป็นส่วนนึงนะ เพราะครอบครัวพอมันถึงจุดที่มีลูก ลูกคือสิ่งสำคัญที่สุดของครอบครัว ของชีวิตคู่ของเรา เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นสิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดคือความรู้สึกของลูก และสถานะความเป็นครอบครัว มันเป็นความเป็นครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก เพราะฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างถ้ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาระหว่างเราสองคนที่ไม่มีลูกสามคน เราอาจจะไม่ได้มีความคิดการไตร่ตรองที่เรามีลูกสามคนอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ภรรยาไม่ต้องแซ่บ เป็นหน้าที่ทุกคนต้องช่วยรักษาสถานะครอบครัวให้แข็งแรง

พีท : ไม่หรอก ผมว่าเอาง่ายๆ ผมคิดว่าการที่ต่างคนต่างอยู่ และไม่ให้เวลากันหรือใดๆ ก็แล้วแต่ มันง่ายมากในการที่จะรักษาสถานะครอบครัวให้แข็งแรง สดชื่นมีความสุขมันยากกว่า ผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง อย่างคุณเจ็งเขาก็พยายามให้ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ในเรื่องของภารกิจก็จะไปทำด้วยกัน หรืออะไรที่เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่ครอบครัวก็ไม่ต้องไป ไม่ว่าจะนัดเพื่อนหรืออะไรต้องไม่ใช่หรือไม่ไป ถ้าไม่ใช่งาน ครอบครัวต้องมาก่อน แต่เรื่องการแต่งตัวของภรรยาผมไม่ได้ซีเรียสเลย ทุกวันนี้โลกมันไปไกลแล้ว ถ้าผมไม่เล่นกล้าม ผมก็อยากใส่เกาะอกเหมือนกันแหละ

เจ็ง : ใส่เกาะอกเลยเหรอ (หัวเราะ) เมื่อก่อนหวง แต่เดี๋ยวนี้ไม่หวง เลือกใช้ชีวิตแบบนี้เพราะมีความสุข

เจ็ง : เมื่อก่อนมีนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาหวงค่ะ อย่างที่บอกว่าสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวเรา เจ็งกล้าพูดเลยว่าการเสียสละเป็นเรื่องใหญ่ อย่างเจ็งเสียสละเวลาของตัวเอง เสียสละชีวิตส่วนตัวของตัวเองเพื่อทุกคนในครอบครัว เพราะเราไม่อยากให้ครอบครัวของเราที่สร้างขึ้นมา กว่าจะรักกัน กว่าจะเลี้ยงลูกโต กว่าจะมีลูกมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เราใช้เวลา ใช้ความรู้สึก ใช้ทุกๆ อย่างสร้างมันขึ้นมา เพราะฉะนั้นเจ็งมองว่าทำยังไงให้ครอบครัวเราอยู่อย่างนี้ อยู่อย่างสวยงามและมีความสุข มันต้องใช้ความพยายาม

ความอดทนและเสียสละอย่างมาก แต่ถามว่าเหนื่อยไหม มีความสุขไหม บางทีเราก็มีนะที่อยากไปทำโน่นทำนี่ ทำไมไม่ได้ไป เพราะจะต้องพาลูกไปทำงาน พาลูกไปโน่นนี่นั่น แต่พอเรากลับมาถามตัวเองว่าเรามีความสุขไหมที่ได้อยู่กับเขา ได้ใช้เวลากับลูก กับพี่พีทหรือกับใครก็แล้วแต่ เรามีความสุขมาก เพราะฉะนั้นก็เลือกที่จะทำแบบนั้นค่ะ ต่ว่าสเปซความเป็นส่วนตัวเราก็มีนะ แต่อาจจะไม่ได้เยอะมากเหมือนบ้านอื่นเขา เพราะเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่ลูกเกิดตั้งแต่เล็ก จนมันเป็นความเคยชินไปแล้ว อย่างพี่พีทไปทำงาน เจ็งจะไม่โทร.ถามว่าอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับ เลิกงานแล้วทำไมยังไม่ถึงบ้าน ไม่เคยถามเลย เราก็อนุญาตให้เขาเที่ยวนะ คือไล่ให้ไปด้วย แต่ไม่เคยไป (หัวเราะ)

พีท : คือถ้าเลือกที่จะไปก็อยู่กับครอบครัวดีกว่า

เจ็ง : รับเมียไปด้วย (หัวเราะ)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *