บ้าน ‘กาละแมร์ พัชรศรี’ ถูกช่อง 3 ปลด มหาเศรษฐีตามจีบ
บ้าน ‘กาละแมร์ พัชรศรี’ ถูกช่อง 3 ปลด มหาเศรษฐีตามจีบ
หากย้อนกลับไป “กาละแมร์” เปิดใจ หลังถูกปลดจากการเป็นพนักงานช่อง 3 “ตอนแรกตนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องซีเรียสอะไร
จนเพื่อนสนิทโทรมาสอบถาม ซึ่ง กาลาแมร์ ชี้แจงเกี่ยวกับการทำงานที่ช่อง 3 ว่า ตนเป็นพนักงานของช่อง 3 มาเป็นเวลา 23 ปี รับเงินเดือน
ทุกเดือนมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ลักษณะการทำงานนั้นตนอยู่ฝ่ายข่าวช่อง 3 อ่านข่าว ส่วนรายการก็จะได้เพิ่มพิเศษ” “แต่รายการที่ตนเป็นพิธีกร
เช่น 3แซ่บ , เทค มี เอาท์ ฯ ซึ่งรายการเหล่านี้ตนก็จะได้รับเงินจากผู้จัดรายการ ช่วงประมาณ 4 ปีหลัง ตนแทบจะไม่ได้เข้าไปช่วยงานช่องเลยโดยเฉพาะฝ่ายข่าว
ปีนึงเข้าไปแค่ครั้ง ถึง 2 ครั้งเท่านั้น เช่น งานฟุตบอล , งานพบสื่อ , ครบรอบช่อง 3 เพราะส่วนใหญ่ตนทำรายการมากกว่า และในสถานการณ์การณ์
ตนก็เข้าใจในสถานการณ์ที่ช่องกำลังเผชิญอยู่ อะไรที่สามารถตัดได้ก็ต้องตัด ซึ่งตนเองเข้าใจ และเคารพการตัดสินใจของทางช่อง 3 เป็นอย่างดี ย้ำในที่นี่เลยว่า
ถ้าไม่มีช่อง 3 ก็ไม่มี กาละแมร์ “ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ทำงานให้ช่อง 3 เรียกว่าเกินครึ่งชีวิต ช่อง 3 คือครอบครัว เจ้านาย พ่อแม่ ทีมงานพนักงานทุกคนคือพี่น้อง
แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นพนักงานช่อง 3 แล้ว หากถ้าวันใดวันหนึ่งทางช่องอยากจะเรียกตนไปช่วยงาน ตนยินดีเสมอ””ซึ่งตนก็ไม่ได้มีโครงการที่จะไปทำอะไรที่ช่องอื่น
ไม่มีการย้ายช่อง และทางช่องก็คงเล็งเห็นแล้วว่าเด็กตัวเล็กๆ ดำๆ คนนี้ มันไปรอดแล้ว และไปรอดด้วยตัวเองได้ และไม่ว่าตนจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม ช่อง 3 คือ
ครอบครัวของตนเสมอ มองตารู้ใจ อยากเรียกใช้งานเมื่อไหร่ ตนก็ยินดี” อีกทั้ง “กาละแมร์” ถูกเศรษฐีระดับโลก ลำดับที่ 300 จีบ จุ๊บแก้มซ้ายขวารัว จนแก้มช้ำ
“คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ดิฉันไปต่างประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไปเล่นสกีที่แถวๆ เมืองกูร์เชเวล ที่ฝรั่งเศส เป็นเมืองที่คนชอบมาเล่นสกี และก็มีครูสกีมาสอน
ดิฉันก็เล่นสกีตอนบ่าย ปรากฏว่าครูสกีก็สอนอีกคนตอนเช้า และไม่รู้ว่าครูสกีไปบรรยายสรรพคุณดิฉันยังไงไม่รู้ จนคนที่ตอนเช้าที่เรียนกับครูอยากเห็นหน้าดิฉัน เราก็ถาม
ครูว่าไปพูดอะไรเขาก็บอกว่ามีลูกค้าคนหนึ่งก็หมายถึงเราว่าอายุ 45 แต่หน้าเหมือนอายุ 40″ “โอ้โหพูดดีมาก เราได้ยินแบบนี้อยากจะจ้างต่ออีกสัก 3 เดือน เขาก็ถ่ายรูปเราไป
เอาไปให้คนที่เรียนตอนเช้าดูปรากฏว่าเขาก็บอกว่าขอเลี้ยงข้าวได้ไหม ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ง่ายๆ สบายๆ มันเป็นร้านอาหารที่อยู่กลางแจ้ง ตรงลานสกี และก็มีครูสอนสกีไปด้วย”
“ซึ่งเราก็ถามว่าเขาชื่ออะไร เราจะได้เรียกชื่อเขาถูก พอเขาส่งชื่อมา เราก็ไปเสิร์ชหา ว่าเขามีโปรไฟล์อะไรยังไง จะได้ทักทาย พูดคุยกันถูก พอเจอปุ๊บ ว้าย เป็นเศรษฐีระดับโลก ดิฉันจะพูดจายังไง เพราะพูดคนละภาษาเขาไม่ได้พูดอังกฤษไง แต่เราก็ไม่อะไรนะ เป็นเพื่อนกัน กินข้าวกัน แต่เขาก็ไม่ได้เชิงมาจีบหรอก แต่ถ้าให้ฉันพูดเองเดี๋ยวคนก็จะมาเมนต์ว่าฉันอีก เขาก็พูดว่าบิวตี้ฟูลนะ แต่ด้วยความที่หน้าคนเอเชียด้วยแหละ”