ขุมทรัพย์สามี ‘มะหมี่ นภคปภา’ มีลูกแฝดให้ ขอเลี้ยงดูดุจเจ้าหญิง
บัตรเดียวซื้อได้ทุกอย่างบนโลก!
ขุมทรัพย์สามี ‘มะหมี่ นภคปภา’ ชุบตัวเป็นมาดาม มีลูกแฝดให้ ขอเลี้ยงดูดุจเจ้าหญิง
เชื่อว่าหลายคนคงจำหน้าคร่าตาของเธอกันได้สำหรับ ‘มะหมี่ นภคปภา นาคประสิทธิ์’ อดีตนางเอกสาวสุดเซ็กซี่ จากผลงานสุดฮิต ‘เมขลา’ ในละครเรื่อง ‘แม่เบี้ย’ ปี2544
ต่อจากนั้นได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ของประเทศอังกฤษเรื่อง ‘บัตเตอร์ ฟราย์ แมน’ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากการประกวดใน เทศกาล ‘สแลมดั๊ง ฟิล์ม เฟสติวัล’ ของอเมริกา
จากนั้นเธอได้ร่วมงานกับ ภาพยนตร์ของแคนาดาเรื่อง ‘เฟริท์ ไบต์’ และต่อด้วยภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับเพื่อนเรื่อง ‘ทรี เฟรนด์’ ซึ่งได้รับคัดเลือกฉายโชว์
ในงานเทศกาล ‘โตรอนโต อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล’ ปี 2005 ปัจจุบันทางด้าน ‘มะหมี่ นภคปภา’ หลังจากที่เธอได้คบหาดูใจอยู่กับสามี ‘นิโคลไลน์’
หนุ่มชาวบัลแกเรีย ต้องบอกเลยว่าชีพจรลงเท้าได้ไปเที่ยวรอบโลก จนสาวๆหลายคนอิจฉาเพราะเธอใช้ชีวิตดุจเจ้าหญิงในนิยาย
“หันหลังให้วงการเพราะเรื่องนี้ก็ส่วนหนึ่งด้วย ตอนเราคบกันใหม่ ๆ ผู้ชายเขาก็บอกเราว่าความสัมพันธ์ของเรา ถ้าเราอยู่กันคนละที่มันก็คงไม่ต่อเนื่องแน่เลย
ถ้าเราคิดว่าเราเป็นแฟนกันแล้วลองมาอยู่ด้วยกันไหม มาใช้ชีวิตร่วมกันดู เราก็เลยใช้เวลาอยู่กับเขา ก็คือ คบกันเป็นแฟนกันมันก็เลยทำให้เราเริ่มห่างจากวงการบันเทิงไประยะหนึ่ง
อายุห่างกัน 5 ปีค่ะ คือถ้าเขาทำงานในโซนยุโรป มันก็ค่อนข้างที่จะต้องเดินทางตลอด เพราะมันไกลจากบ้านเรา แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่สิงคโปร์มันก็ค่อนข้างที่จะเดินทางสะดวก
เราก็สามารถอยู่เมืองไทยได้มากขึ้น การเดินทางมันใกล้กว่า ก็รวยในระดับพอกินพอใช้ ไม่ได้รวยมากอะไรขนาดนั้นค่ะ เขาเป็น ‘ไดเร็กเตอร์ เซาท์ อีส เอเชีย’
ก็ดูแลเป็นภูมิภาคค่ะ รายได้ต่อเดือนเรายังไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ) ผู้ชายยังไม่อยากจะบอกเลย (หัวเราะ) ถามว่าเขาให้เราบ้างไหม ก็ใช้บ้าง เขาก็ต้องดูแล
ขาดเหลืออะไรเขาก็ให้ เราไม่จำเป็นต้องขอ เขาอยากให้ก็ให้ คือบัตรเครดิต เขาก็ให้เป็นชื่อเราเลย ยอดในบัตรเงินก็ไม่เคยถามนะคะ เราไม่ถามอยู่แล้ว
พื้นฐานเราเป็นคนขยันอยู่แล้ว เราเองก็เป็นคนทำมาหากินอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าเรามีแค่งานในวงการบันเทิง เรายังมีสิ่งอื่นที่เราทำอยู่ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่รู้
เพราะฉะนั้นตัดประเด็นนี้ไปเลย เรื่องเกาะผู้ชายกิน ตัดไปได้เลย ไม่ใช่เราแน่นอน แต่คนมันก็อดคิดไม่ได้ เพราะเราทิ้งวงการไป คนก็จะมองว่าที่มีเก็บก็ต้องใช้หมด
แต่คือเราก็ยังมีอย่างอื่นทำ ฉันก็ทำโน้นทำนี่ ทำที่มันเป็นต่อได้ เราไม่ได้เป็นคนที่แบบว่ามีเงินแล้วใช้จนหมด เราวางแผนว่าควรทำอะไรได้บ้าง”