สว.กิตติศักดิ์ พูดชัด ถ้า เศรษฐา เคลียร์ตัวเองไม่ได้ไม่โหวตให้

Uncategorized

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวดังรายงานว่า นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่า สว.อาจจะไม่โหวตเห็นชอบ ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่พรรคเพื่อไทยเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่อยู่ในขั้นตอนพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องหนึ่งเท่านั้น ส่วนการจะโหวตเลือกผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ต้องมองภาพรวมหลายๆ เรื่อง เมื่อถามว่า สว.มีความคลาดแคลงใจคุณสมบัติของนายเศรษฐา จากข่าวที่ออกมาอย่างไร นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า “ตนเอาใจช่วยนายเศรษฐา แต่ความจริงก็คือความจริง สว.รู้สึกหนักใจแทน นายเศรษฐา เพราะคนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องจริยธรรมสำคัญที่สุด ถ้าท่านจะเป็นซีอีโอ บริษัทต่างๆ เราคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่นายเศรษฐา จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ฉะนั้น สว.จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ

เมื่อถามย้ำว่าที่ระบุว่าหนักใจแทน นายเศรษฐา พอจะบอกได้ไหมว่าหนักใจประเด็นใด นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องที่ดิน เกี่ยวกับภาษีที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งข้อมูลที่นายเรืองไกร ที่ยื่นให้วันนี้ ย้ำว่าจะพิจารณาอย่างเร่งด่วนในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอไปยังพรรคเพื่อไทย ควรเสนอบุคคลอื่น นอกจากนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่อำนาจของ สว.ที่จะไปปฏิบัติเช่นนั้น “กิตติศักดิ์บอกมาตลอด ว่าการจัดตั้งรัฐบาล เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และสส. ส่วน สว.ไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่าย ชี้ให้เอาคนโน้น คนนี้ไม่เอา ไม่ใช่ครับ” “บ้านเมือง โดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่จะทดลองได้ ประเทศไทยไม่ใช่บริษัท หรือเล่นขายของ เพราะประเทศไทยมีความเสี่ยง ต้องนำพาคนไทยเกือบ 70 ล้านคนไป ดังนั้นคนที่มาอยู่ตรงนี้ ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างดีที่สุด แน่นอนทุกคนไม่ดี 100% ไม่ชั่ว 100% แต่คนมาเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างน้อยต้องใสสะอาด และจริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ” เมื่อถามหลักการของ สว. ในการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นนั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกัน เชื่อว่าการงดออกเสียง น่าจะน้อย แต่จะมีเห็นชอบ กับ ไม่เห็นชอบเท่านั้น

มื่อถามว่าการครั้งนี้จะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ได้ “แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะบ้านเมืองปล่อยให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ส่วนพรรคการเมืองที่จะเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมา ก็เหลือไม่กี่คนแล้ว ดังนั้นต้องได้นายกรัฐมนตรี ต้องได้รัฐบาลโดยเร็วที่สุด แต่หากการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 3 “หากยังมีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา เท่าที่ผมฟังจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะ สว. ก็หนักใจแทน” พร้อมมองว่านายกรัฐมนตรีไม่ไปถึงนายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่งตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว “ขอเป็นหมอเดาแล้วกัน นายกรัฐมนตรีไม่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ถ้าผิดก็หน้าแตกไป เมื่อพรรคที่ 2 ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่พรรคที่ 3 และผมเคยเดาไปแล้วว่า นายกรัฐมนตรี มีโอกาส 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสูตรการจัดตั้งรัฐบาล อยู่ที่พรรคการเมืองจะไปรวมกัน หากมี 300 กว่าเสียง จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงมาก แต่คงปฏิบัติหน้าที่ไปได้ระยะหนึ่ง คงไม่ครบ 4 ปี เพราะเป้าหมายคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ หรือปรองดองนั้น สว.ไม่ไปก้าวก่าย และยินดีให้มีรัฐบาล ให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อถามว่าก่อนหน้านี้ สว.กิตติศักดิ์ เคยระบุจะโหวตให้พรรคเพื่อไทย หากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เหตุใดจึงเปลี่ยนท่าที นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำมาเปิดเผยต่อสังคม เราได้ดูแล้ว รวมถึงประเด็นที่นายเรืองไกร มายื่นต่อกรรมาธิการสว.ด้วย ตนคิดว่าน่าสนใจ “กิตติศักดิ์บอกแล้วว่า หากไม่มีก้าวไกล ก็ยินดีให้มีนายกรัฐมนตรีเพื่อบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไป แต่ขณะนี้มีปัญหาคุณสมบัติส่วนตัว ซึ่งกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ จะบรรจุทำให้เรื่องนี้กระจ่างขึ้น เพื่อพิจารณาว่าการทำธุรกิจของนายเศรษฐา

มีความโปร่งใสหรือไม่ ถ้าสามารถเคลียร์ตัวเองได้ ก็ไม่มีปัญหาในการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตรงกันข้าม ถ้าตรวจสอบแล้ว และตอบคำถามไม่เคลียร์ ผมคิดว่า สว.คงจะตัดสินใจไม่เลือก โดยย้ำว่าการโหวตของ สว.ไม่มีอะไรหนักใจ แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคน ต้องได้รับการตรวจสอบเหมือนกันหมด มาตรฐานเดียวกันหมด หากพรรคที่ 3 พรรคที่ 4 เข้ามาก็ต้องชี้แจงให้สังคมรับทราบเหมือนกัน ว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับการตรวจสอบจาก สว.เช่นเดียวกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *