นิพิฎฐ์ ลั่น ฟังเสี่ยแป้ง พูดบ้าง โจรไม่ได้พูดเท็จทั้งหมด

Uncategorized

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุงหลายสมัย กล่าวถึงกรณีคลิปของนายชวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาที่หลบหนี ว่า หากมองในกระบวนการยุติธรรมต้องถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่ามีคำพิพากษาจนถึงที่สุด แม้กระทั่งครั้งนี้เขาได้หนีออกจากคุก คดีก็ยังไม่มีคำพิพากษาว่าเขาหนีออกจากคุก ทั้งที่เขาอยู่นอกคุก ทางกฎหมายยังถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ หากเขาถูกจับตัวได้ก็ต้องส่งฟ้องในข้อหาหลบหนีออกจากถูกคุมขัง จะหนีจริงหรือไม่ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

นายนิพิฎฐ์ฯกล่าวอีกว่าการที่เสียแป้งออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมนั้นน่าจะมาจากกระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาเขายังไม่ได้รับความเป็นธรรมในบางส่วน ซึ่งผู้มีอำนาจตามกฎหมายบางรายไปกระทำจนทำให้กระบวนการยุติธรรมเบี่ยงเบนไป เรื่องนั้นจึงต้องได้รับการพิสูจน์และเราก็ต้องรับฟังเขาด้วยซึ่งสิ่งที่เขาพาดพิงไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้น ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องรีบดำเนินการและแถลงให้ประชาชนได้รับทราบว่าบุคคลที่เสียแป้งพาดพิงถึงนั้นได้มีส่วนในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่

นายนิพิฎฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ผบก.ภ.จว.พัทลุงที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น และได้เข้ามาลาตนนั้น เขาบอกว่าเราต้องปรับวัฒนธรรมของคนใน จ.พัทลุง กันใหม่ โดยเฉาะในกระบวนการยุติธรรมต้องทำกันใหม่ทั้งหมด ตนจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องรื้อฟื้นเรื่องดังกล่าวกันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอัยการ ตำรวจ ยกเว้นกระบวนการตุลาการ ซึ่งตนมั่นใจ 90 เปอร์เซ็นว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ นอกจากนั้นคงพูดได้ยากว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนตุลาการ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างไรบ้าง นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนคนพัทลุงเป็นคนสู้ คนพูดจาโผงผาง แต่ในกรณีของเสี่ยแป้งคนกลับเงียบหมดไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้ว่าตำรวจอัยการคนไหนที่พัวพันกับเสี่ยแป้ง คนพัทลุงเขารู้กันหมดแต่มีคน 2 คน ที่ยังไม่ทราบก็คือ ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด คนพัทลุงหลายคนทราบว่าอัยการ ตำรวจรายไหน ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเสี่ยแป้ง และรู้ว่าตำรวจคนไหนที่เป็นคนสร้างเสี่ยแป้งขึ้นมา รวมถึงการได้รับเงินจากเสี่ยแป้งแต่ตนมั่นใจว่า ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ยังไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว

นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่าคนพัทลุงจะต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนต้องแยกความถูกความผิดให้ออกจากกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าคำพูดของคนผิดเป็นเท็จไปทั้งหมด เพราะบางครั้งคำพูดของคนผิดก็เป็นเรื่องจริง หากแยกไม่ออกเราจะหลงเอง และสิ่งที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนของการไล่ล่าคนร้ายในครั้งนี้ก็คือการการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ขาดความเป็นเอกภาพ ขาดการข่าวที่ดี ต่างคนก็อยากเป็นฮีโร่ในการจับตัวคนร้าย หากตำรวจมีความพร้อมทั้ง 2 อย่างคงจับกุมคนร้ายได้ไปนานแล้วทางด้าน ผบ.ตร. ก็ต้องรู้ว่าตำรวจที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นเอกภาพ ต่างคนต่างหาข้อมูลของตนเอง โดยไม่แชร์ข้อมูลให้คนอื่น ๆ ทราบทำให้ต้องเสียงบประมาณในการไล่ล่าคนร้ายไปมากมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องรื้อกระบวนการดังกล่าวกันใหม่

ในส่วนของตำรวจพัทลุงบางคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมการวางแผนการไล่ล่าคนร้ายนั้น ก็ต้องยอมรับว่าคนพัทลุงยังไม่ไว้วางใจตำรวจพัทลุง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ใน จ.พัทลุง นาน ๆ จนไม่มีการปรับตัว สำหรับในส่วนของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีผลงานดีก็มี อาทิ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ (คนล่าสุดที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งผบก.ภ.จว.กระบี่) พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ และพล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล (ทั้ง 3 รายเป็นอดีต ผบก.ภ.จว.พัทลุง) และตนก็ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและรมต.มหาดไทย ว่าการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดมาดำรงตำแหน่งใน จ.พัทลุง นั้นจะต้องเลือกคนให้เหมาะสมกับสมรภูมิรบใน จ.พัทลุงด้วย ในยามที่บ้านเมืองมีปัญหาทางผู้ว่าฯ และผู้การฯ จะต้องจับมือกันเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชน หากต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างทำระบบราชการก็ไปไม่รอด บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป จนทำให้ชาวบ้านหันไปพึ่งพาผู้มีอิทธิพล เพราะพึ่งพาระบบราชการไม่ได้ ตนจึงขอฝากไปยังรัฐบาล และมท.1 ด้วย ในส่วนของส.ส.พัทลุง และนักการเมืองก็ไม่มีใครออกมาพูดในเรื่องนี้เลย ตนออกมาพูดก็ในฐานะเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *