วันที่ 27 ก.พ.66 นิ่ม ออกมาสารภาพเป็นคนนำ น้องต่อ ไปทิ้งลงแม่น้ำ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า วันนี้คดีน่าจะเสร็จสิ้นแล้วเพราะจากคำรับสารภาพเบื้องต้นของนางสาวนิ่ม ซึ่งเป็นแม่ของน้องต่อให้การว่า เป็นคนนำน้องต่อไปทิ้งลงแม่น้ำ
หลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจมี ข้อมูลทางโทรศัพท์ ข้อมูลการโทรเข้า โทรออก ยืนยันตรงกัน นางสาวนิ่มได้หายไปในช่วงเวลา 03.00 – 05.00 น. และคำรับสารภาพของพี่สะใภ้ว่านางสาวนิ่มกลับมาที่บ้านประมาณ 05.30 น. ตอนนี้เหลือเพียงแค่กระบวนการเดียวคือค้นหาร่างของ น้องต่อ นั้น
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่าจากการสอบสวน นางสาวนิ่ม เบื้องต้นให้การว่า น้องต่อตื่นงอแงตอนตี 3 เพราะมีไข้ แม่ก็อุ้มให้นมแต่น้องก็ร้องไม่หยุด จึงอุ้มแบบเขย่าไปมา จนน้องหล่นหัวกระแทกพื้น จากนั้นก็หลับไป แม่ก็เข้าใจว่าลูกหลับ จนตีห้า จะชงนมอีกรอบ พบว่า ลูกนอนเสียชีวิต ไม่รู้จะทำยังไง กลัวความผิด และกลัวติดคุก ไม่มีคนดูแลพ่อตาบอด แม่พิการติดเตียง จึงเก็บความลับมาตลอด และไม่คิดว่า จะเป็นข่าวดังคนเยอะ ไม่มีใครปรึกษา ตร.ที่สอบก็พูดจาข่มขู่ทุกอย่าง ทำให้ไม่กล้าพูด
ล่าสุดมีเพจดังได้ออกมาโพสต์ หลังนิ่ม รับสารภาพ พร้อมข้อความ โดยระบุว่า
กฎหมายเยาวชนอาจให้ นิ่ม ได้รับโทษไม่หนักหนาเพราะยังอายุ 17 ปี แม้สิ่งที่ทำร้ายแรงมากโดยการวางแผนจัดการนำลูกในใส้ของตัวเองไปโยนทิ้งในแม่น้ำแถมตบตาสร้างเรื่องหลอกชาวบ้านได้อย่างแยบยลนานร่วมเดือน
ความผิดคดีร้ายแรงแค่ไหนถ้าเป็นเยาวชนไทยคุณจะได้รับการปกป้องจากกฎหมายฉบับนี้
ส่วนตัวเลิกสงสัยแล้วว่านิ่มเค้าเติบโตมาและต้องใช้ชีวิตในแบบไหน กลายเป็นว่าตอนนี้ซ้อตั้งคำถามกับตังเองอะไรกัน ที่ทำให้เด็กสาววัย 17 ปี สามารถสร้างสตอรี่ วางแผน จัดการทุกอย่างแทบจะไม่เหลือหลักฐานเชื่่อมโยงถึงตัวเอง โดยผ่านมาเดือนถึงจะรู้ความจริงซึ่งหลายๆ คดีที่เห็นในข่าว ผู้ใหญ่ยังทิ้งหลักฐานไว้เพียบเพียงไม่กี่วัน ตำรวจก็ตามตัวมาดำเนินคดีได้ตั้งแต่ในวันแรกๆ แล้ว
เรียบเรียง สยามนิวส์
