จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ กล่าวหา อดีตนักมวยชื่อดัง ลวนลาม กระทำอนาจาร เหตุเกิดภายในห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อ วันที่ 10 ธันวาคม 2566 มีรายงานต่อว่า น.ต.สมรักษ์ คำสิงห์ หรือบาส นักชกเหรียญทองโอลิมปิกมวยสากลสมัครเล่น ปี 1996 เจ้าของวลีเด็ด ไม่ได้โม้ ถึงกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ล่าสุดเรื่องดังกล่าวนั้นตนเองทราบแล้ว และได้แต่งตั้งให้ทางทนายเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้ขืนใจ ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย และอดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และตนเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเด็กผู้หญิง 17 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐานหลายมุม
ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไรมาก ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ยืนยันตนเองไม่ได้ข่มขืนอย่างแน่นอน เจ้าของวลีเด็ด ไม่ได้โม้ ทิ้งท้าย.
ต่อมา พ.ต.อ.ยศวัจน์ เเก้วสืบธัญกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้า สรุปว่า ผู้กล่าวหาประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสมรักษ์ 4 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิน 15 ปี เเต่ยังไม่ถึง 18 ปี , ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี เเต่ยังไม่ถึง 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจารเด็กอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย และพยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย
เเละประสงค์ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ผู้ขับขี่รถ จยย.บิ๊กไบค์ 2 ข้อหา ได้ร่วมกันพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิน 15 ปี เเต่ยังไม่ถึง 18 ปี และร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี เเต่ยังไม่ถึง 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร
เบื้องต้น ตำรวจมีพยานหลักฐานยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย มีพฤติกรรมในลักษณะร่วมกันพรากผู้เยาว์ และพาบุคคลอื่นไปเพื่อกระทำอนาจาร จึงแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะเดียวกันตำรวจได้เพิ่มประเด็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นคนสนิทของนายสมรักษ์ ทราบชื่อต่อมาคือนายแป๊กโก้ ผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอลชั้นนำของจ.ขอนแก่น และจากการตรวจสอบประวัติพบว่านายแป๊กโก้ เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านเป็ดดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 9 ผู้ใดเป็นจัดหา ล่อไป
หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดให้เพื่อบุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบด้วยความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท
