ซินแสเข่ง หมอดูเข็มทิศทองคำ ผ่าดวงวิกฤต เดือนพฤษภามรณะ สุดอาถรรพ์ มรสุมหนัก รัฐบาลเพื่อไทย ที่จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายสับสน
หมอดูเข็มทิศทองคำ หรือ ซินแสเข่ง หมอดูเข็มทิศทองคำ เป็นที่รู้จักจากการทำนายดวงชะตาผ่านรายการโทรทัศน์และมีชื่อเสียงโด่งดังจากการทำนายแม่นยำ โดยวันที่ 24 พ.ค. 67 นาย ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง ผอ.สถาบันโหราศาสตร์และนักพยากรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงดวงช่วงพฤษภาคมว่า ในเดือนพฤษภาคมนี้ ถือว่าเป็นเดือนแห่งมรณะ เดือนแห่งการปะทะขัดแย้ง เป็นศัตรู หรือเบียดเบียน ต่อดวงเมืองที่มีผลกระทบเกิดขึ้น
![ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิกฤต พฤษภามรณะ สุดอาถรรพ์ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย](https://image.thainewsonline.co/uploads/images/contents/w1024/2024/05/hzuyXJ5KVUZ1Dwd2A49e.webp?x-image-process=style/lg-webp)
เมื่อดาวมฤตยู และดาวอุบาทโคจรเข้ากุมทับ ดวงเมือง ที่ก่อให้เกิดความวิบัติ ก่อให้เกิดการปะทะ ชุลมุนหรือก่อให้เกิดการจราจลเกิดขึ้น ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ตามราศีของดวงดาวที่โคจร เพราะฉะนั้นถือว่าเดือนพฤษภาคมนี้ ถือว่าเป็นเดือนแห่งความอาถรรพ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาจนถึงปัจจุบันนี้ ทางมาถึงช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ ก็จะต้องทำอย่างไรก็ได้ ที่จะต้องประคับประคองให้บ้านเมืองนั้น ได้สงบมากที่สุด เพราะเป็นเดือนอาถรรพ์ที่จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายสับสน สร้างความไม่เข้าใจก่อให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
ตลอดไปจนถึงรัฐบาลที่ไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้ ความวุ่นวายเกิดขึ้นแก่รัฐบาล ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดจนถึงองค์กร หน่วย ราชการต่างๆ ที่ดูแล้วค่อนข้างจะมีแต่ความขัดแย้ง อึดอัดแม้แต่วงการศาสนาก็เต็มไปด้วย อุตริมาลเกิดขึ้นอย่างมากมาย มีวิชามารต่างๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ความจริงมันก็มีอยู่เดิมแล้ว แต่เมื่อถึงจังหวะ มันก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็น ประกอบกับจิตใจมนุษย์อ่อนไหว และถ้าดูตามดวงเมืองแล้ว
![ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิกฤต พฤษภามรณะ สุดอาถรรพ์ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย](https://image.thainewsonline.co/uploads/images/contents/w1024/2024/05/D6j5TJp4hycsPTCw4sbi.webp?x-image-process=style/lg-webp)
ถือว่าในช่วงจังหวะที่แย่จริงๆ แต่ถ้าถามว่า ระหว่างดวงเมืองกับจังหวะของการเดินของดวงดาวนั้น ดวงเมืองจะแพ้หรือไม่ ก็ไม่แพ้นะ แต่จะทำให้บ้านเมืองนั้น ช้ำมากกว่า ส่งผลไปถึงผู้คนประชาชนต่างๆ ในปี 67นี้ถือว่าเป็นปีที่มีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเป็นปีที่ 3 ปีนี้ของภาวะเศรษฐกิจการเงินล่มสลาย
สถานการณ์ของผู้นำพรรคเพื่อไทยก็คงจะพูดไม่ได้ว่า นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นบุคคลที่สามารถบงการชี้เป็นชี้ตาย ให้กับพรรคเพื่อไทยได้ ก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร แต่ในขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตรนั้น กำลังเจอวิบากกรรม จากการกระทำของตนเอง ตลอดจนถึงช่วงจังหวะรอบอายุที่เข้าครอบงำ ทำให้มีเรื่องให้หงุดหงิด ไม่สบายใจ มีปัญหาสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น มีเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้ง และไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีเหตุให้เสียทรัพย์มากมาย
ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีตัวสำรอง ก็เป็นเพียงแต่ด่านหน้า ที่จะต้องปะทะ แต่ไม่ได้บริหารด้วยตนเอง และดวงชะตานั้น ก็ถือว่าไม่ได้ส่งผลให้มีโอกาสประสบความสำเร็จเพียงแต่โชคดีที่มีโอกาสได้มาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เดือนพฤษภาคมนี้ถือว่าเป็นเดือนที่เป็นมรสุมร้ายที่รุนแรง เกิดขึ้นกับตัวนายเศรษฐา พร้อมด้วยรอบอายุที่เข้าครอบ ปีที่มีผลปะทะ การทำงานทุกอย่างนั้น จึงเป็นผลร้ายตอบกลับเละอุแสรรคตลอดเวลา
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊งค์ ก็เช่นเดียวกัน ในปี67นี้ ความจริงเธอก็เป็นคนที่มีดวงของการเป็นผู้นำอยู่ในตนเอง มีดวงงานราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในขณะเดียวกันนั้น ในดวงชะตามีปัญหากับอุปสรรค มีเหตุของความแตกแยก สับสน วุ่นวายไม่เข้าใจ ในดวงชะตา และประการที่สำคัญก็คือ เป็นบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ ในด้านการเมือง รอบปี 67 นี้ จึงไม่ต่าง จากนายเศรษฐา ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องระวังในเรื่องของความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ สร้างความสับสน สร้างความขัดแย้ง สร้างความแตกแยกเป็นศัตรู
![ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิกฤต พฤษภามรณะ สุดอาถรรพ์ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย](https://image.thainewsonline.co/uploads/images/contents/w1024/2024/05/2lUnvk7EdgSbmf3dIog3.webp?x-image-process=style/lg-webp)
ส่วนบุคคลที่น่าจับตามองอีกท่านหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นม้ามืดที่อาจจะมีโอกาส ได้ฉกฉวยช่วงจังหวะช่องว่างสุญญากาศรัฐบาลที่กำลังมองหาบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะนาทีนี้คงไม่มีใคร ที่จะมีทั้งอำนาจและบารมีเหนือบุคคลผู้นี้ไปได้ ประกอบกับ บุคคลผู้นี้ ก็มีสายสัมพันธ์อันดี กับนายทักษิณชินวัตรอยู่ที่ประชาชน ที่เห็นว่าท่านอายุมากแล้ว และไม่ควรที่จะมานั่งเก้าอี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็ถือว่าในช่วงระยะ ปี 67 และ 68 ก็เป็นช่วงจังหวะ ที่นายทักษิณจะรับช่วงต่อ หากว่าชะตาของนายทักษิณ ไม่ถึงฆาตจริงๆ
อย่างไรก็ตาม การดูดวงเป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และไม่ควรยึดติดกับคำทำนาย